หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

พระพุทธรูปปางหน้าปรก หลวงพ่อนาค

หลวงพ่อนาค

พระพุทธรูปปางหน้าปรก หรือที่ชาวบ้านเลาขวัญ เรียกกันว่า “หลวงพ่อนาค” คนรุ่นเก่าให้สันนิษฐานกันไว้ว่าเป็นพระพุทธรูปซึ่งได้จัดสร้างขึ้นในสมัยลพบุรีเป็นราชธานีมีอายุประมาณได้ ๘๐๐ ปี เพราะอยู่ในช่วงสมัยศัตวรรษที่ ๑๗ หรือ ๑๘ เนื้อองค์พระพุทธรูปจัดสร้างด้วยหินทราย มีขนาดหน้าตักกว้าง ๑๔ นิ้ว ความสูงจากฐานจรดสุดพระเศียร ๑๘ นิ้ว ส่วนหัวพญานาคที่แผ่ปรกพระเศียรพระพุทธรูปได้แตกหักไป ทั้งยังทำการทุบตีที่พระเศียรและพระนาสิก (จมูก ) เพราะคนร้ายต้องการจะรู้ว่าภายในองค์พระจะมีทองคำหรือไม่

พระพุทธรูปองค์นี้ เดิมประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถหลังเก่าของวัดจิกด่าง ที่ได้ร้างและชำรุดทรุดโทรมมาก ประชาชนจึงได้กราบอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในศาลาการเปรียญหลังเก่าของวัดเลาขวัญ หลังจากถูกคนร้าย ลักนำไปแล้วได้กลับคืนมา จึงได้จัดหาที่ประดิษฐานใหม่และได้กราบอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในกุฏิเจ้าอาวาส

เหตุอัศจรรย์ เมื่อปีใดเกิดฝนแล้ง ชาวบ้านจะอัญเชิญหลวงพ่อนาคนำมาทำการสรงน้ำกลางแจ้ง หรือจัดขบวนแห่ไปรอบๆ หมู่บ้าน ปรากฏว่ามีฝนตกลงมาในวันนั้นทันที หรืออีก 1 หรือ 2 วันต่อมา และปรากฏว่าจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง แม้แต่ในวันสงกรานต์ที่ชาวบ้านได้กราบอัญเชิญมาประดิษฐานแล้วทำการสรงน้ำกันใน ทุกๆ ปี จะมีฝนตกลงมาเป็นส่วนมาก

อีกประการหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ ในคืนหนึ่งเวลาประมาณ ๒๐,๐๐ น. เศษ ทางวัดเลาขวัญได้ตีกลองและระฆังดังกระหึ่มก้องไป ทำให้ชาวบ้านพากันตกใจแตกตื่น บ้างฉวยคว้าได้ศัตราวุธ พากันวิ่งอุตลุดไปยังวัดด้วยผิดสังเกต หลวงพ่อเยี่ยมเจ้าอาวาสวัดเลาขวัญจึงแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นว่า หลวงพ่อนาคที่ศาลาหายไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ ชาวบ้านจึงพากันติดตามไปทันทีอย่างกระชั้นชิด คนร้ายต่างครุ่นคิดเห็นว่าไปไม่รอดแน่ จึงหาทางแก้ไขโดยนำเอาหลวงพ่อนาคลงไปซ่อนไว้ในหนองน้ำที่เต็มไปด้วยจอกแหนแล้วหนีไป ในหลายวันต่อมาคนร้ายเห็นว่าผู้ติดตามสงบลง จึงกลับมุ่งตรงมานำเอาไปแล้วติดต่อขายให้พ่อค้าในเมืองสุพรรณบุรี แต่ได้มีกำนัน วิภาส(ดำ) อินทร์สว่างขอซื้อไว้ เพราะได้ทราบข่าวเงื่อนไขตามที่เล่าลือกันว่า ที่วัดเลาขวัญมีพระหายจากนั้นจึงได้ส่งข่าวไปยังวัดเลาขวัญ ว่าพระที่หายไปนั้นตนได้รับซื้อไว้ เมื่อประชาชนทราบเรื่องก็ดีใจอย่างมากหาใดปาน แล้วช่วยกันจัดยานพาหนะ แล้วจัดขบวนแห่ไปรับ ณ ที่วัดบ้านกร่าง แล้วเดินทางแห่กลับมายังวัดเลาขวัญ ทุกคนพร้อมใจกันจัดให้มีงานเฉลิมฉลองเป็นครั้งยิ่งใหญ่เพราะมีความปลื้มใจที่ได้หลวงพ่อกลับคืนมา และได้จัดหาที่ประดิษฐานเก็บรักษาไว้อย่างดี เมื่อวันสงกรานต์ในแต่ละปีมาถึง ซึ่งนับว่าเป็นปีใหม่ของไทยเราจึงกราบอัญเชิญนำเอาหลวงพ่อนาคออกจากที่ประดิษฐานให้ประชาชนทำการกราบบูชาสักการะและให้สรงน้ำพระพร้อมกันไป หรือเมื่อมีงานอื่นใดที่ทางวัดได้กำหนดการจัดให้มีขึ้นทุกครั้งทุกคราว ก็จะต้องนำเอาหลวงพ่อนาคนี้ออกมา เพื่อให้ประชาชนได้ปิดทองและสักการะบูชาอธิษฐานจิตภาวนาขอพรจากท่านนับเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านอันศักดิ์สิทธิ ซึ่งท่านต้องการจะสถิตอยู่ประจำอำเภอนี้ ถึงจะถูกลักไปก็เหตุมีให้ได้กลับคืนมา จึงเป็นเรื่องที่นำพาน่าอัศจรรย์น่ายินดี ตามเรื่องที่กล่าวมามีดังนี้แล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น