หน้าเว็บ

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ธรรมอันทำให้งาม ๒ อย่าง

ธรรมอันทำให้งาม ๒ อย่าง

๑.ขันติ แปลว่า ความอดทน คือ อดกลั้น ความมีใจหนักแน่นเพื่อที่จะให้บรรลุผลหรือเป้าหมายที่วางไว้ หรือเพื่อสร้างและรักษาความดีไว้ จำแนกเป็น ๔ ประเภท คือ

- ทนต่อความลำบากตรากตรำ คือ อดทนต่อความหนาว ร้อน หิว กระหาย ความเหน็ดเหนื่อยย่อท้อ เพื่อให้การงาน การศึกษา การประกอบอาชีพและอื่นๆ สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

- ทนต่อทุกขเวทนา คือ อดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากบาดแผล หรือโรคภัยไข้เจ็บ ไม่แสดงอาการเจ็บปวดทุรนทุรายจนเกินเหตุ

- ทนต่อความเจ็บใจ ทนต่อคำด่า คำเสียดสี หรือสาปแช่งของผู้อื่น ตลอดถึงอารมณ์ที่สร้างความขัดเคืองใจต่างๆ

- ทนต่ออำนาจกิเลส ทนต่ออารมณ์ที่ยั่วยุให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันจะนำไปสู่การกระทำที่ผิดศีลธรรม และไม่ให้เข้าถึงความเป็นจริง

ความอดทน ๒ ข้อแรก จัดเป็นความอดทนทางกาย และไม่จัดเป็นขันติอย่างแท้จริง ส่วนความอดทนต่อความเจ็บใจและต่ออำนาจกิเลส จัดเป็นความอดทนทางใจ และจัดเป็นขันติแท้

๒. โสรัจจะ แปลว่า ความเสงี่ยม คือ ความรักษาความสง่างามภายนอกไว้ได้ ไม่แสดงอาการผิดปกติออกมาภายนอก คือทางสีหน้า หรือแววตา เพราะบางครั้งถึงแม้เราใช้ขันติอดกลั้นไว้ได้แต่ใจใจยังโกรธยังมีความน้อยเนื้อต่ำใจ ทำให้แสดงกิริยาท่าทางที่ไม่ดีออกมา เช่น มีคนมาพูดให้เราเจ็บใจ แม้เราจะอดกลั้นไม่โต้ตอบ แต่ความโกรธย่อมประทุขึ้นภายในใจ ทำให้ร้อนรุ่มเดือดดาล อาจแสดงอาการฮึดฮัดออกมาภายนอก โสรัจจะนี้แหละจะทำหน้าที่ข่มความเดือดดาลทำให้ใจเย็นลง เมื่อใจเย็นลง การแสดงออกทางกายวาจาก็เป็นปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใสได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น