เมื่อครั้งอดีตกาลนานมาแล้ว พระเจ้าเอกราชและพระนางโคตมีอัครมเหสีผู้ครองนครบุปผวดี ได้มีพระราชโอรสองค์หนึ่งนามว่า พระจันทกุมาร
ในพระราชสำนักนั้นมีปุโรหิตผู้หนึ่งนามว่า กัณฑหาลพราหมณ์ซึ่งเป็นคนโลภและไม่ซื่อสัตย์ภักดีต่อพระราชา
เมื่อกัณฑหาลพราหมณ์ได้รับมอบหมายให้พิพากษาพิจารณาคดีความต่างๆ พราหมณ์ผู้นี้ก็มักจะตัดสินอย่างไร้ความยุติธรรมและมักรับสินบนจากคนผิดเสมอ จนผู้บริสุทธิ์ต้องพ่ายแพ้ความไปและได้รับความเดือดร้อนกันเป็นอันมาก
วันหนึ่งผู้บริสุทธิ์ที่ถูกตัดสินให้แพ้ความได้เดินร้องไห้ออกจากท้องพระโรงไปนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่ข้างประตูวัง
ขณะนั้นพระจันทกุมารเสด็จผ่านมาจึงเข้าไปไถ่ถาม เมื่อทราบ
ความทั้งหมดจึงได้มีรับสั่งให้เปิดศาลพิจารณาคดีนั้นอีกครั้ง
กัณฑหาลพราหมณ์แม้จะมิพอใจแต่ก็มิอาจขัดพระประสงค์ของพระราชโอรสได้ ในที่สุดพระจันทกุมารก็ได้ตัดสินความให้ผู้บริสุทธิ์นั้นมีชัยชนะในคดีนั้น และตัดสินให้ผู้ผิดเป็นฝ่ายแพ้
บรรดาชาวบ้านชาวเมืองก็พากันปิติยินดีมีขวัญกำลังใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าพระจันทกุมารราชโอรสทรงผดุงความเป็นธรรมแก่ราษฎร
พระเจ้าเอกราชเมื่อได้ทราบความว่าพระราชโอรสตัดสินคดีความอย่างยุติธรรมจน ราษฎรแซ่ซ้องสรรเสริญกันไปทั่ว ก็ทรงรับสั่งให้พระ-จันทกุมารรับหน้าที่ผู้พิพากษาแทนปุโรหิตสืบต่อไป
วันหนึ่งพระเจ้าเอกราชทรงสุบินว่าได้ขึ้นไปเที่ยวชมสวรรค์บนชั้นดาวดึงส์ พระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นทรัพย์สมบัติทิพย์ของพระอินทร์และปราสาทวิมาน แก้วอันวิจิตรตระการตาทั้งปวงก็ยังเกิดความอยากได้อยากเสวยทิพยสมบัตินั้น บ้าง
เมื่อทรงนำเอาความฝันนี้ ไปหารือกับปุโรหิตกัณฑหาลในวันรุ่งขื้น พราหมณ์เฒ่าเจ้าเล่ห์จึงทูลว่า
“พระองค์จะได้เสวยทิพยสมบัติเหล่านั้นพระเจ้าข้า แต่ว่าจะต้องนำ “ของมันเป็นที่รัก” ทำพิธีบูชายัญเสียให้หมด”
พระราชาสดับฟังดังนั้นก็ตรัสถามว่า
“ของมันเป็นที่รักคือสิ่งใดหรือ”
กัณฑหาลพราหมณ์จึงทูลว่า
“ของมันเป็นที่รักก็คือม้าแก้ว ช้างแก้ว นางแก้ว พระราชโอรส และพระราชธิดา พระเจ้าข้า”
พระเจ้าเอกราชได้ฟังก็ทรงนิ่งอึ้งไป แต่ปุโรหิตก็รีบทูลยุยงให้พระองค์ยอมตัดพระทัยจากของอันเป็นที่รักเหล่านั้น เพื่อจะได้เสวยทิพยสมบัติอย่างพระอินทร์ในเร็ววัน
บรรดาชาวเมืองต่างก็พากันเสียขวัญและพิศวงงงงวยยิ่งนัก ที่จู่ๆ พระราชาจะจัดพิธีบูชายัญที่นอกนครโดยใช้เลือดของผู้เป็นที่รักสังเวยเทพยดา
พระอัครมเหสีโคตมีพยายามทูลขอร้องวิงวอนด้วยน้ำพระเนตรแต่ก็มิสามารถทัดทานหรือเปลี่ยนพระทัยพระสวามีได้
ในพิธีนั้นกัณฑหาลพราหมณ์ได้เตรียมม้าแก้ว ช้างแก้ว นางแก้วคือพระมเหสี พระราชธิดาและพระราชโอรสมาที่ปะรำพิธีตั้งแต่รุ่งเช้า
ซึ่งผู้ที่จะต้องสังเวยชีวิตเป็นบุคคลแรกนั้นก็คือพระจันทกุมารนั่นเอง
พระจันทกุมารราชโอรสได้กราบทูลพระราชบิดาว่า“เสด็จพ่อพระเจ้าข้า กัณฑหาลพราหมณ์นั้นเป็นคนชั่ว ชอบใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงราษฎร ด้วยความแค้นเคืองหม่อมฉันจึงได้คิดฆ่าเอาเช่นนี้ หากการบูชายัญจะทำให้ได้สมบัติทิพย์ ไฉนปุโรหิตไม่ฆ่าลูกเมียของตนบ้างเล่าขอให้เสด็จพ่อทรงใคร่ครวญด้วย หากประสงค์จะฆ่าเพื่อเอาสมบัติที่อยู่ก็ขอให้ฆ่าหม่อมฉันคนเดียวเถิด”
พระเจ้าเอกราชกำลังตกอยู่ในความมัวเมาลุ่มหลงในทิพยสมบัติด้วยกิเลสและความ โลภ จึงมิทรงฟังคำของพระราชโอรสแม้แต่น้อยกลับยิ่งทรงเร่งให้ปุโรหิตคนชั่วเริ่ม พิธีโดยเร็ว
ครั้นเมื่อพระจันทกุมารถูกนำมายังปากหลุมแล้วนั้น ฝ่ายพระจันทาเทวีชายาของพระจันทกุมารก็ร่ำไห้ตั้งจิตอธิษฐานบนบานต่อเทพยดา ทั้งปวงว่า
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงจงช่วยพระสวามีของลูกด้วยเถิด พระจันทกุมารนั้นเป็นคนดี ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม แต่พราหมณ์กัณฑหาลนั้นเป็นคนชั่ว คิดมุ่งร้ายต่อชีวิตของผู้บริสุทธิ์อยู่เสมอ ขอให้เทพยดาอารักษ์ช่วยคุ้มครองพระจันทกุมารด้วยเถิดอย่าให้ต้องตายด้วยน้ำ มือของคนพาลเลย”
ด้วยแรงอธิษฐานนั้น พระอินทร์จึงทรงร้อนอาสน์ และรีบส่องทิพยเนตร เล็งดู เมื่อรู้ความเป็นไปทั้งหมดก็จึง เสด็จลงจากดาวดึงส์ สำแดงอิทธิฤทธิ์ เหาะเหินมาปรากฏกายเหนือปะรำพิธีเป็นที่ แตกตื่นแก่ผู้ได้พบเห็นยิ่งนัก
“ชิชะ เจ้าเอกราชผู้โง่เขลา”พระอินทร์ทรงชี้หน้าพระราชาอย่างพิโรธ พร้อมกับกวัดแกว่งฆ้อนเหล็กที่ลุกเป็นไฟอย่าง น่าสะพรึงกลัวเป็นยิ่งนัก “เจ้านี่หรือบังอาจใคร่จะได้สมบัติที่อยู่ของข้าจนถึงกับลงมือฆ่าแกงลูกเมีย ของตัวเอง เจ้าช่างเป็นกษัตริย์ที่ชั่วช้าไร้คุณธรรมนัก จิตใจลุ่มหลงมัวเมาในกิเลสอย่างน่าสังเวชที่สุด สมควรนักแล้วที่ข้าจะฆ่าเจ้าเสียให้ตายในบัดนี้”
ตรัสด้วยสุรเสียงอันกึกก้องกังวานไปในเวหา แล้วพระอินทร์ก็ทรงฟาดฆ้อนไฟใส่ฉัตรธงและปะรำพิธีจนหักพังราบเป็นหน้ากลอง
บรรดาชาวบ้านชาวเมืองเมื่อหายตกตะลึงแล้วจึงกรูกันเข้าจับตัวปุโรหิตมารุมประชาทัณฑ์จนตายในที่นั้นเอง
พระจันทกุมารจึงทรงเข้าห้ามปรามไว้ มิให้เอาชีวิตพระราชบิดาแต่ราษฎรก็ขอให้เนรเทศพระเจ้าเอกราชออกไปจากพระนคร เลย ให้ไปอยู่ในหมู่บ้านจัณฑาลที่ทุรกันดารในแดนไกล
เมื่อพระอินทร์เสด็จกลับขึ้นสวรรค์แล้ว เหล่าเสนาอำมาตย์และข้าราชบริพารทั้งปวงก็พร้อมใจกันอัญเชิญเสด็จพระจัน ทกุมารขึ้นครองราชบัลลังก์สืบต่อไป
เมื่อขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งบุปผวดีนครแล้ว พระจันทกุมารก็ยังทรงเสด็จไปเยี่ยมเยือนพระราชบิดาอยู่เนืองๆ
พระองค์ทรงเป็นพระราชาผู้ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม ปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข ทรงเป็นที่รักของไพร่ฟ้าปวงชนทั่วไปและทรงเจริญพระชนมายุยืนยาวด้วยบุญญาภิ นิหารโดยแท้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น